CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) คือมาตรฐานสากลที่ใช้ในการวัดระดับความสามารถทางภาษา ไม่เพียงแต่สำหรับภาษาอังกฤษ แต่รวมถึงภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก CEFR ได้รับการพัฒนาโดยสภายุโรป (Council of Europe) เพื่อให้เป็นเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินและเปรียบเทียบระดับทักษะทางภาษาของผู้เรียนในระดับสากล
โครงสร้างของ CEFR
CEFR แบ่งระดับความสามารถในการใช้ภาษาออกเป็น 6 ระดับใหญ่ ซึ่งครอบคลุมทั้งทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน โดยแต่ละระดับจะระบุถึงความสามารถที่ผู้เรียนสามารถทำได้ในภาษานั้น ๆ วัดระดับภาษาอังกฤษ
ระดับ CEFR 6 ระดับ ได้แก่:
- A1 (Beginner/ระดับเริ่มต้น)
- สามารถเข้าใจและใช้สำนวนง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน สามารถแนะนำตัวเอง ถามคำถามง่าย ๆ และตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว
- A2 (Elementary/ระดับพื้นฐาน)
- สามารถเข้าใจและสื่อสารเรื่องราวทั่วไป เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว ช้อปปิ้ง และงาน สามารถพูดคุยในบริบทที่ง่าย ๆ และใช้สำนวนที่คุ้นเคย
- B1 (Intermediate/ระดับกลาง)
- สามารถเข้าใจบทสนทนาที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันและการทำงาน สามารถอธิบายประสบการณ์ แผนงาน หรือความคิดเห็นส่วนตัวในหัวข้อที่คุ้นเคยได้
- B2 (Upper Intermediate/ระดับกลางสูง)
- สามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วในเรื่องที่เป็นการสนทนาทั่วไปและเรื่องเฉพาะด้าน เช่น การทำงานหรือการศึกษา สามารถให้เหตุผลและแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ได้
- C1 (Advanced/ระดับสูง)
- สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนและสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วทั้งในด้านการศึกษาและการทำงาน สามารถใช้ภาษาที่มีโครงสร้างซับซ้อนและหลากหลายในการแสดงความคิดเห็น
- C2 (Proficiency/ระดับเชี่ยวชาญ)
- สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วเทียบเท่ากับเจ้าของภาษา สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ยากและซับซ้อน และสามารถสื่อสารในทุกบริบทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
CEFR ใช้ในการประเมินอะไรบ้าง?
CEFR ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินทักษะภาษาในหลายบริบท เช่น:
- การเรียนการสอนภาษา: ใช้ในการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาต่าง ๆ และวัดความก้าวหน้าของผู้เรียน
- การสอบวัดระดับภาษา: หลายการสอบมาตรฐาน เช่น IELTS, TOEFL, TOEIC และ Cambridge English ใช้มาตรฐาน CEFR ในการกำหนดระดับคะแนนและความสามารถของผู้สอบ
- การสมัครงานและการศึกษา: หลายองค์กรและสถาบันการศึกษาทั่วโลกใช้มาตรฐาน CEFR เพื่อกำหนดเกณฑ์รับเข้าเรียนหรือทำงาน เช่น กำหนดว่าผู้สมัครต้องมีระดับ B2 ขึ้นไป
ประโยชน์ของการใช้มาตรฐาน CEFR
- ความสม่ำเสมอ: การใช้ CEFR ทำให้สามารถเปรียบเทียบความสามารถในการใช้ภาษาของผู้เรียนจากประเทศหรือบริบทต่าง ๆ ได้อย่างเป็นมาตรฐาน
- แนวทางในการพัฒนา: ผู้เรียนสามารถใช้มาตรฐานนี้ในการกำหนดเป้าหมายและวางแผนการพัฒนาทักษะภาษาได้อย่างชัดเจน
- ความยืดหยุ่น: มาตรฐาน CEFR ครอบคลุมทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ทำให้สามารถประเมินทักษะที่ครอบคลุมทุกด้านของการสื่อสาร
สรุป
CEFR เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการวัดระดับความสามารถทางภาษา โดยครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้น (A1) จนถึงระดับเชี่ยวชาญ (C2) ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถประเมินความสามารถของตนเอง และยังใช้เป็นเครื่องมือในการวัดทักษะในการสอบภาษาและการสมัครงานได้อีกด้วย