การประเมินทักษะการฟังและการพูดในภาษาอังกฤษ: วิธีการทดสอบที่ใช้บ่อยที่สุด
ทักษะการฟังและการพูดเป็นสองทักษะสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ซึ่งการประเมินทักษะเหล่านี้มักใช้ในการสอบมาตรฐานหรือการทดสอบทางวิชาการต่าง ๆ การวัดความสามารถในการฟังและการพูดสามารถทำได้ผ่านการทดสอบที่หลากหลาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ผู้สอบสามารถแสดงศักยภาพในการเข้าใจภาษาอังกฤษในบริบทต่าง ๆ ต่อไปนี้คือวิธีการทดสอบที่ใช้บ่อยที่สุดในการประเมินทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ:
1. IELTS (International English Language Testing System)
- การฟัง (Listening): ผู้สอบจะต้องฟังบทสนทนา 4 ส่วน ซึ่งประกอบด้วยการพูดในบริบทการศึกษาและชีวิตประจำวัน เช่น การฟังบทสนทนาของนักเรียน หรือการฟังบรรยาย และจะมีคำถามให้ตอบหลังจากฟัง
- การพูด (Speaking): การสอบพูดใช้วิธีสัมภาษณ์กับผู้สอบถามโดยตรง ซึ่งมี 3 ส่วน ได้แก่ พูดคุยทั่วไป การพูดตามหัวข้อ และการสนทนาในเชิงลึกเกี่ยวกับหัวข้อนั้น
- ข้อดี: ทดสอบทั้งความสามารถในการฟังและพูดในสถานการณ์จริง การทดสอบพูดเป็นการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว ทำให้ผู้สอบได้แสดงความสามารถในการสื่อสารอย่างเต็มที่
2. TOEFL (Test of English as a Foreign Language)
- การฟัง (Listening): ผู้สอบจะต้องฟังการสนทนาและการบรรยายในบริบทการศึกษา เช่น ห้องเรียน และจะมีคำถามตามหลังการฟังเพื่อประเมินความเข้าใจ
- การพูด (Speaking): การสอบพูดใน TOEFL เป็นการบันทึกเสียง ซึ่งผู้สอบจะต้องตอบคำถามจากบทความที่ฟังหรืออ่านก่อนหน้านี้ โดยต้องพูดตอบให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด
- ข้อดี: TOEFL เน้นการประเมินทักษะการฟังและการพูดในบริบทการศึกษา ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ
3. TOEIC (Test of English for International Communication)
- การฟัง (Listening): TOEIC จะประเมินทักษะการฟังผ่านการฟังบทสนทนาในสถานการณ์การทำงาน เช่น การประชุม การเจรจาทางธุรกิจ และการติดต่อทางโทรศัพท์ จากนั้นจะมีคำถามให้ตอบเพื่อประเมินความเข้าใจ
- การพูด (Speaking): ในส่วนของการพูด ผู้สอบจะต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับชีวิตการทำงาน การพูดบรรยายภาพ หรือแสดงความคิดเห็นตามหัวข้อที่กำหนด
- ข้อดี: การสอบ TOEIC เหมาะสำหรับการประเมินทักษะการฟังและพูดในบริบทการทำงาน ซึ่งใช้ในการประเมินความสามารถของพนักงานในองค์กร
4. Cambridge English Exams (FCE, CAE, CPE)
- การฟัง (Listening): ผู้สอบจะฟังบทสนทนาหรือการบรรยายในสถานการณ์ที่หลากหลาย เช่น การฟังบทความในสถานีวิทยุ การฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ แล้วตอบคำถามเพื่อประเมินความเข้าใจ
- การพูด (Speaking): ผู้สอบจะพูดกับผู้สอบถามและผู้สอบคนอื่น ๆ โดยจะต้องตอบคำถามและพูดคุยในหัวข้อต่าง ๆ เช่น การเปรียบเทียบภาพ หรือการแสดงความคิดเห็นในหัวข้อที่กำหนด
- ข้อดี: Cambridge English Exams เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวัดระดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในบริบทต่าง ๆ ทั้งการศึกษาและการทำงาน
5. PTE Academic (Pearson Test of English Academic)
- การฟัง (Listening): ผู้สอบจะฟังบทความหรือบรรยายในบริบทการศึกษา และตอบคำถามหลากหลายรูปแบบ เช่น การเลือกคำตอบที่ถูกต้อง การฟังเพื่อจับใจความ หรือการฟังเพื่อเติมคำที่หายไป
- การพูด (Speaking): การสอบพูดใน PTE เป็นการบันทึกเสียง ผู้สอบจะต้องพูดตามข้อความที่แสดงบนหน้าจอ หรือบรรยายภาพที่เห็นภายในเวลาที่จำกัด
- ข้อดี: PTE เป็นการสอบที่ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหมด ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ถนัดการใช้เทคโนโลยี และต้องการผลสอบที่รวดเร็ว
6. Duolingo English Test
- การฟัง (Listening): การทดสอบการฟังของ Duolingo ประกอบด้วยการฟังคำหรือประโยค และผู้สอบจะต้องเลือกคำตอบที่ถูกต้อง หรือพิมพ์สิ่งที่ได้ยิน
- การพูด (Speaking): การสอบพูดจะเป็นการบันทึกเสียง ผู้สอบต้องตอบคำถามสั้น ๆ หรืออธิบายภาพตามที่กำหนด
- ข้อดี: เป็นการสอบออนไลน์ที่สะดวก สามารถทำได้จากที่บ้าน และเป็นทางเลือกที่ได้รับการยอมรับในหลายสถาบันการศึกษา
สรุป
การประเมินทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษมีหลากหลายรูปแบบตามวัตถุประสงค์และสถานการณ์การใช้งาน การเลือกการทดสอบที่เหมาะสมกับเป้าหมาย เช่น การทำงาน การศึกษา หรือการย้ายถิ่นฐาน จะช่วยให้คุณสามารถแสดงศักยภาพและความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเต็มที่ วัดระดับภาษาอังกฤษ