Skip to content Skip to footer

การทดสอบ PTE (Pearson Test of English) คืออะไร?

การทดสอบ PTE (Pearson Test of English) คือการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่พัฒนาโดย Pearson ซึ่งเป็นบริษัทด้านการศึกษาระดับโลก การสอบ PTE ใช้เพื่อวัดทักษะการฟัง (Listening), การอ่าน (Reading), การเขียน (Writing), และการพูด (Speaking) ของผู้สอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อหรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หรือแคนาดา

รูปแบบของการทดสอบ PTE

PTE เป็นการสอบภาษาอังกฤษที่จัดสอบผ่านคอมพิวเตอร์ โดยมีหลายประเภทของการสอบที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนี้: วัดระดับภาษาอังกฤษ

  1. PTE Academic
    เป็นการสอบที่ออกแบบสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ผลการสอบในการสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษทั่วโลก รวมถึงการยื่นวีซ่าหรือใบอนุญาตทำงานในบางประเทศ

  2. PTE General
    การสอบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวัดระดับภาษาอังกฤษทั่วไป การสอบ PTE General มักใช้ในบริบทของการเรียนรู้ภาษาในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่

  3. PTE Young Learners
    เป็นการสอบสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6-13 ปี เพื่อวัดทักษะภาษาอังกฤษในระดับเบื้องต้น ผ่านกิจกรรมที่สนุกและมีส่วนร่วม

โครงสร้างการสอบ PTE Academic

PTE Academic แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่:

  1. Speaking and Writing (54–67 นาที)

    • ผู้สอบจะต้องตอบคำถามโดยการพูด และพิมพ์คำตอบของคำถามบางข้อในคอมพิวเตอร์ ซึ่งรวมถึงการแนะนำตัวเอง การอ่านออกเสียง การสรุปข้อความ และการเขียนบทความสั้น ๆ
  2. Reading (29–30 นาที)

    • ส่วนนี้จะทดสอบทักษะการอ่านของผู้สอบ โดยมีทั้งการเลือกคำตอบที่ถูกต้อง (Multiple Choice), การจัดเรียงประโยคใหม่ให้ถูกต้อง, และการจับคู่ข้อมูล
  3. Listening (30–43 นาที)

    • ผู้สอบจะต้องฟังบทสนทนา วิดีโอ หรือข้อความเสียง และตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาที่ได้ยิน เช่น การเขียนสรุปสิ่งที่ฟัง การเติมคำลงในช่องว่าง หรือการเลือกคำตอบที่ถูกต้อง

คุณสมบัติเด่นของ PTE

  1. การจัดสอบผ่านคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
    การสอบ PTE จัดสอบผ่านคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ผู้สอบจะทำการตอบคำถามผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์และใช้ไมโครโฟนในการตอบคำถามในส่วนการพูด

  2. การประเมินผลโดยอัตโนมัติด้วย AI
    PTE ใช้ระบบการประเมินโดย AI เพื่อวิเคราะห์และให้คะแนนการสอบ ซึ่งทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างเที่ยงตรงและรวดเร็ว ไม่มีการใช้ผู้ตรวจที่เป็นมนุษย์ในการให้คะแนน

  3. ผลการสอบรวดเร็ว
    หนึ่งในข้อได้เปรียบของ PTE คือการที่ผู้สอบจะได้รับผลสอบภายใน 2 วันทำการ ซึ่งเร็วกว่าการสอบประเภทอื่น เช่น IELTS หรือ TOEFL

  4. การรับรองผลสอบทั่วโลก
    PTE เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในมหาวิทยาลัยและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และแคนาดา

คะแนนสอบและการแปลผล

คะแนนสอบ PTE มีช่วงคะแนนตั้งแต่ 10-90 คะแนน ซึ่งแบ่งระดับตามความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ โดยผลการสอบนี้สามารถเทียบเคียงกับมาตรฐาน CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) ได้ดังนี้:

  • A1 (ผู้เริ่มต้น): 10-29 คะแนน
  • A2 (พื้นฐาน): 30-42 คะแนน
  • B1 (ระดับกลาง): 43-58 คะแนน
  • B2 (ระดับกลางสูง): 59-75 คะแนน
  • C1 (ระดับสูง): 76-84 คะแนน
  • C2 (ระดับสูงสุด): 85-90 คะแนน

การเตรียมตัวสำหรับการสอบ PTE

  1. ฝึกทำข้อสอบจำลอง
    ควรฝึกทำข้อสอบจำลองแบบ PTE เพื่อให้คุ้นเคยกับรูปแบบคำถามและการจัดการเวลา ซึ่งมีหลายแหล่งที่ให้บริการข้อสอบจำลองออนไลน์

  2. พัฒนาทักษะการพูดและการฟัง
    ฝึกฝนการพูดและการฟังภาษาอังกฤษจากแหล่งต่าง ๆ เช่น วิดีโอ การฟังพอดแคสต์ และการสนทนากับเจ้าของภาษาเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วในการตอบคำถาม

  3. การพิมพ์และการเขียน
    เนื่องจากการสอบใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหมด ผู้สอบควรฝึกพิมพ์และเขียนบทความในเวลาอันจำกัด

สรุป

PTE เป็นการทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการประเมินผล ซึ่งเป็นที่ยอมรับในมหาวิทยาลัยและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก การสอบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ผลสอบในการสมัครเรียนต่อ ทำงาน หรือยื่นขอวีซ่าในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ

Leave a comment

0