วัดระดับภาษาอังกฤษนั้นมีอะไรบ้าง

การวัดระดับภาษาอังกฤษมักจะถูกจัดอยู่ในกรอบมาตรฐานที่ช่วยให้ผู้เรียนหรือผู้ใช้ภาษาเข้าใจความสามารถของตนเองในการใช้ภาษา โดยทั่วไปแล้ว มีหลายระบบที่ได้รับการยอมรับในการวัดระดับภาษาอังกฤษ ดังนี้:

1. CEFR (Common European Framework of Reference for Languages)

เป็นกรอบมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปและทั่วโลก โดยแบ่งระดับออกเป็น 6 ระดับหลัก:

• A1 (Beginner): เข้าใจและใช้ประโยคง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน
• A2 (Elementary): สามารถสื่อสารประโยคสั้น ๆ และพื้นฐานได้
• B1 (Intermediate): สามารถสื่อสารในเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวันได้ดี
• B2 (Upper-Intermediate): สื่อสารในเรื่องซับซ้อนได้ทั้งในที่ทำงานและสังคม
• C1 (Advanced): เข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนและแสดงความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• C2 (Proficient): สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ เหมือนเจ้าของภาษา

2. TOEFL (Test of English as a Foreign Language)

ใช้ในการประเมินความสามารถภาษาอังกฤษสำหรับการศึกษาต่อในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ คะแนนเต็มคือ 120 คะแนน โดยจะวัดทักษะใน 4 ด้าน:

• การอ่าน (Reading)
• การฟัง (Listening)
• การพูด (Speaking)
• การเขียน (Writing)

คะแนนจะถูกจัดเป็นระดับต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้ว คะแนน 90 ขึ้นไปจะถือว่าอยู่ในระดับที่ดีสำหรับการศึกษาต่อ

3. IELTS (International English Language Testing System)

วัดความสามารถทางภาษาอังกฤษสำหรับการศึกษา การทำงาน หรือการย้ายถิ่นฐาน แบ่งคะแนนเป็น Band ตั้งแต่ 0 ถึง 9:

• Band 1-4: ผู้ใช้ภาษาเบื้องต้น
• Band 5-6: ผู้ใช้ภาษาในระดับปานกลาง
• Band 7-8: ผู้ใช้ภาษาระดับดี
• Band 9: ผู้ใช้ภาษาที่ชำนาญเต็มที่

4. Cambridge English Exams

ชุดข้อสอบของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ที่ใช้ประเมินความสามารถภาษาอังกฤษ เช่น:

• KET (Key English Test): ระดับ A2
• PET (Preliminary English Test): ระดับ B1
• FCE (First Certificate in English): ระดับ B2
• CAE (Certificate in Advanced English): ระดับ C1
• CPE (Certificate of Proficiency in English): ระดับ C2

5. TOEIC (Test of English for International Communication)

เป็นการทดสอบที่นิยมในเชิงธุรกิจและการทำงาน วัดความสามารถในด้านการฟังและการอ่าน คะแนนจะอยู่ระหว่าง 10-990:

• 10-225: ระดับพื้นฐาน
• 226-545: ระดับปานกลาง
• 546-785: ระดับดี
• 786-990: ระดับยอดเยี่ยม

ระบบเหล่านี้ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกในการวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ โดยแต่ละระบบเหมาะกับจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น การเรียนต่อ การทำงาน หรือการทดสอบทักษะทั่วไปในชีวิตประจำวัน วัดระดับภาษาอังกฤษ